Healthy Lifestyle

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) – ทำกายภาพบำบัดแบบไม่เจ็บ

office syndrome

ปวดหลัง ปวดไหล่ ตึงไปหมดทุกส่วนในร่างกาย จากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ หรือที่เราเรียกกันว่า ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ดูเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนจะเป็นกันใช่มั้ยคะ แต่เราอาจจะคิดว่า ฉันทนได้ ปวดแค่นี้นวดก็หายสบายมากๆ

แต่แท้จริงแล้วนั้น อาการของออฟฟิตซินโดรมนั้นน่ากลัวกว่าที่เราคิดค่ะ หากไม่ทำการปรับพฤติกรรม แก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว เจ้าออฟฟิตซินโดรมเนี่ย อาจจะเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างลำบากได้เมื่ออายุมากขึ้นนั่นเองค่ะ และวันนี้พราวก็จะพาทุกคนไปรีวิวคลินิคกายภาพบำบัด OT Room ที่พราวเลือกในการรักษาอาการ Office Syndrome ในวันนี้นั่นเองค่ะ

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออะไร?

อาการของออฟฟิศซินโดรมนั้น เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรม ลักษณะการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสมนั่นเองค่ะ มักจะเกิดกับคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานๆ แบบเราเนี่ยแหละ ทีนี้พอนั่งทำงานนานๆ อยู่อิริยาบถเดิมนานๆ จึงส่งผลให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง ค้างในท่าเดิม กล้ามเนื้อบางส่วนถูกยืดค้าง ทำให้เกิดการปวดกล้ามเนื้อ จนเริ่มแข็งเป็นก้อนๆ และตึงขึ้นเรื่อยๆ ระยะต้นอาจจะแค่รู้สึกปวดเมื่อยร่างกายเฉยๆ แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ปรับพฤติกรรม จะยิ่งรุนแรงขึ้น จนถึงจุดที่นิ้ว มือเริ่มชา นิ้วล็อค หรือนั่งนอนกันไม่ได้ทีเดียวเลยนะคะ

โดยที่พราวเอง นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ (โดยจัดท่านั่งแบบไม่ถูกสุขลักษณะแบบสุดๆ) เป็นเวลา 10-14 ชั่วโมงต่อวัน ทุกวันมาเป็นเวลานาน จึงไม่แปลกที่จะมีอาการนี้ค่ะ แง ตอนแรกก็แค่ปวดๆ ตัว ไม่ค่อยสบายตัว ก็อาศัยไปนวดเอา เพราะชอบการผ่อนคลายเวลานวดมากๆ จนถึงจุดนึงคือเริ่มชามือละ แล้วตอนนอนก็ไม่สบายตัวหนักขึ้น การนวดกล้ามเนื้อบนๆ คือลึกไม่พอแล้ว

พราวจึงต้องไปหาคุณหมอกายภาพบำบัด เพื่อดูแลรักษาอาการนี้แบบจริงจัง จนมาจบที่ OT Room คลินิกกายภาพบำบัด ที่มีวิธีการรักษาที่ทันสมัย ไม่เจ็บ มีเครื่องมือค่อนข้างโอเค แถมเดินทางง่ายสะดวก ใกล้บริเวณที่พราวทำงานอีกด้วยค่ะ

OT Room คลินิกกายภาพบำบัด

คลินิกกายภาพบำบัด โอทีรูม – เป็นคลินิกที่ไม่ใช่รักษาออฟฟิศซินโดรมเท่านั้น แต่ยังมีการรักษากายภาพบำบัดแบบทางเลือก ที่นิยมใช้ในโรงพยาบาลในการรักษากลุ่มอาการเกี่ยว กับกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และเส้นประสาท โดยการรักษาทั้งหมดนั้นจะทำโดยนักกายภาพบำบัดที่จบปริญญา สาขากายภาพบำบัด และมีใบประกอบโรคศิลป์โดยเท่านั้นค่ะ ในการรักษาจะมีการใช้เครื่องมือและวิธีการทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอัลตราซาวด์ เลเซอร์ การประคบร้อน การขยับข้อต่อ การยืดกล้ามเนื้อ ตามอาการของเราเลย

ซึ่งกายภาพบำบัดเนี่ย ไม่สามารถทำครั้งเดียวแล้วเห็นผลได้ชัดอยู่ยาวมากๆ แต่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง ดังนั้นการเลือกคลินิกที่เดินทางสะดวกสบาย อยู่ในกลางเมืองหรือใกล้ BTS ถือว่าเป็นอีก point สำคัญ

ซึ่ง OT Room นั้น อยู่บริเวณชั้น 2 ของ All Season Places (CRC Tower) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ BTS เพลินจิต ถนนเส้นวิทยุนั่นเองค่ะ

การรักษาออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

หลังจากพราวเดินทางมาถึง ลงทะเบียนผู้ป่วยใหม่เรียบร้อย ก็ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของทางคลินิก และเตรียมพร้อมในการรักษาครั้งแรกค่ะ อันดับแรกคือจะต้องให้พี่นักกายภาพบำบัดตรวจดูอาการก่อนเลย ทำตามที่เขาบอกไปค่ะ ยืนตรง กางขาเท่าไหน เอี้ยวตัวก้ม เงย จับจุดไหนใดๆ เพื่อให้พี่เขาประเมินว่าเราปวดและมีอาการถึงระดับไหนแล้ว เจ็บมากน้อยแค่ไหน ก่อนจะเริ่มทำการบำบัดตามวิธีที่เหมาะสมกับเรานั่นเองค่ะ

ซึ่งตัวพราวเองนั้น ถือว่าเป็นในระดับยังไม่เยอะมาก แต่ก็แสดงอาการให้ร่างกายไม่โอเคแล้ว โดยเฉพาะการชาปลายนิ้วมือบ้าง (มีผลต่อเส้นประสาทแล้ว) ดังนั้นจึงควรทำต่อเนื่องสัก 2-3 ครั้ง และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเองค่ะ

จะบอกว่าเตียงหมอน และหมอนข้างที่นี่สบายมากกกกก ของคุณภาพสุดๆ เลยค่ะ พี่นักกายภาพบำบัดจะจัดท่าให้เราว่า จะเริ่มทำตรงฝั่งซ้าย/ขวายังไง ต้องนอนท่าไหน มือ เท้าต้องวางแบบไหน ก่ายยังไง

ทีนี้ก็มาเริ่มทำกันค่ะ พี่นักกายภาพบำบัดจะจับตรวจแต่ละส่วนของกล้ามเนื้อเรา ซึ่งขอพูดตามตรงว่าจำไม่ได้ค่ะ ว่าแต่ละส่วนเรียกว่าอะไร ศัพท์ทางการแพทย์และเทคนิคเยอะแยะไปหมดเลย แง แต่พี่เขาใจดีมากๆ เลยนะคะ ถามอะไรก็คอยแนะนำ คอยสอนเราตลอด เป็นความรู้ที่ดีมากๆ ซึ่งอาการของพราวคือ กล้ามเนื้อส่วนที่ลึก (เกินกว่าจะนวดถึงได้) แข็งเป็นก้อนหลายจุดแล้ว ก้อนเล็กก้อนใหญ่สลับกันไป กล้ามเนื้อบางมัดเริ่มทำงานได้ไม่โอเค ยิ่งเป็นคนเล่นเวทเทรนนิ่งด้วยยิ่งทำให้ตัวยิ่งแข็ง โดยเฉพาะคนเล่นเวทที่ไม่ค่อยยืดเหยียดกล้ามเนื้อแบบพราว (แง) ส่วนบริเวณคอคือ ตึงตรงฐานคอ แต่ยังไม่เป็นถึงคอหนักมากจนขยับยากหรือคอแข็งเกินไปค่ะ

จะบอกว่ากล้ามเนื้อแต่ละจุด สัมพันธ์กับพฤติกรรมเรามากค่ะ เช่นของพราวบางจุดที่ตึงแข็งเป็นก้อน คือชัดเลยว่าเป็นคนนั่งท่าประมาณนี้ แล้วขยับน้อยๆ จากการพิมพ์ ทำงานในแลปท็อป ถ้าขยับมากกว่านี้จะเป็นกล้ามเนื้ออีกจุด พี่นักกายภาพบำบัดก็ค่อยๆ อธิบายเราให้เข้าใจในการทำงานของแต่ละมัดกล้ามเนื้อค่ะ

และเครื่องมือที่พราวใช้รักษาวันนี้จะเป็นคลื่นเสียง อัลตราซาวน์(Ultrasound) ผ่านเจลตัวกลางลงไป โดยที่พี่นักกายภาพบำบัดอธิบายว่า เจ้าคลื่นเสียงนี้จะลงไปลึกถึงระดับกล้ามเนื้อที่เรามีปัญหาและปล่อยคลื่นลงไปเพื่อสลายความแข็งตัว ความตึงต่างๆ นั่นเอง ซึ่งถ้าจะใช้นวดหรือกดจุดเอาคือกล้ามเนื้อด้านบนน่าจะช้ำไปหมดแล้ว อันนี้เลยถือว่าไม่เจ็บเลยค่ะ ถ้าได้ผลลัพธ์นั้น คือจะมีแค่บางจุดจริงๆ ที่รู้สึกเจ็บตึงจนปวดแต่น้อยมากๆ คือนอนเล่น นอนคุยกับพี่เขาได้ชิลล์ๆ เลย สบายมากค่ะ

จะบอกว่าหลังทำเห็นผลทันทีเลยค่ะสำหรับการคลายกล้ามเนื้อด้วยเจ้าเครื่องอัลตราซาวน์นั้น จุดไหนที่แข็งเป็นก้อนๆ ก่อนทำ หลังทำพี่นักกายภาพบำบัดจับๆ ให้ดู คือคลายลงไปเยอะมากกก นิ่มเลยทีเดียว อาจจะไม่ทั้งหมดเพราะต้องอาศัยความต่อเนื่องในการรักษา แต่ถือว่าเห็นผลในครั้งแรก สบายตัวมากทีเดียวค่ะ

โดยที่ร่างกายด้านซ้ายพราว จะมีก้อนแข็งๆ ของกล้ามเนื้อมากกว่าด้านขวา อาจจะเป็นเพราะการใช้งานน้อยกว่าในภาพรวมนั่นเองค่ะ

การรักษาด้วยการใช้มือ (Manual Technic) ในกายภาพบำบัด

หลังรักษาด้วยวิธีคลื่นอัลตราซาวน์เสร็จ ก็เริ่มทำการรักษาด้วยการใช้มือ (Manual Technic) เช่น การขยับข้อต่อ การกดสลายจุดกดเจ็บ การยืดเหยียดอื่นๆ ค่ะ ทำเป็นเล่นนะคะ แค่จับเบาๆแบบในรูปที่ดูเหมือนยังไม่กดอะไรออกแรงอะไรเลย คือเจ็บมาก มันเป็นจุดที่คนธรรมดาแบบเราไม่ทราบจริงๆ ค่ะว่ามันเจ็บบบบ โดนจับเบาๆ ก็เจ็บแล้ว มันต้องคลาย มันต้องกดยังไง

*แนะนำว่ามาทำกับคุณหมอผู้ชำนาญนะคะ จุดพวกนี้ห้ามกดเล่นมั่วๆ เองเด็ดขาด อันตรายแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะบริเวณคอ ศรีษะ

การประคบร้อน (Hot Pack)

หลังจากรักษาด้วยวิธีการใช้คลื่นอัลตราซาวน์และการใช้มือเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว ก็ปิดท้ายด้วยการประคบร้อนต่อค่ะ (ในส่วนนี้จะมีทั้งร้อน/เย็น นะคะ ขึ้นอยู่กับคุณหมอหรือพี่นักกายภาพบำบัดจะประเมินว่าเราต้องรักษาอย่างไรค่ะ) นอนอุ่นๆ ประคบไหล่ ตัวอุ่นๆ ห่อเหมือนมัมมี่น้อย แล้วก็นอนเล่นไป 15-20 นาที เป็นการปิดท้ายค่ะ

ระหว่างนี้หากร้อนเกินไปก็มีปุ่มให้กดเรียกพี่พนักงานมาอีกด้วยค่ะ

ในระหว่างการรับบริการที่นี่ เราจะได้อยู่ใน Position ที่สบาย เหมาะสมกับสรีระตลอดเวลาเลยทีเดียวค่ะ เรียกว่าผ่อนคลายไปอีกแบบเลย

ความรู้สึกหลังการรักษา ออฟฟิศซินโดรม

พราวรู้สึกประทับใจนะคะ ด้วยการบริการ การดูแล การรักษาด้วยเทคโนโลยีรวมถึงวิธีการต่างๆ ที่เห็นผลในครั้งแรกแล้ว ถือว่าโอเคมากเลยค่ะ ที่สำคัญคือไม่เจ็บด้วย พอไม่เจ็บก็จะทำให้เรารู้สึกว่าอยากมาอย่างต่อเนื่องจนอาการหายได้ นอกจากนั้นพี่นักกายภาพก็จะคอยสอนเรานั่นนี่ อธิบายเรา แนะนำวิธีการใช้ชีวิตการปรับพฤติกรรม การหยืดเหยียดต่างๆ ให้เราด้วย ถ้าเรานำไปประยุกต์ใช้ ยังไงร่างกายเราก็จะกลับมาโอเคขึ้นแน่นอนค่ะ

นอกจากนั้นราคาก็ไม่สูงมาก (ดูได้ที่ภาพถัดไป) รวมถึงเดินทางสะดวก เดินทางง่ายอีกด้วย ดังนั้นหากใครมองหาคลินิกกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม หรืออาการอื่นๆ ที่ OT Room ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียวค่ะ

ราคา/ค่าบริการรักษา OT Room

ราคาการรักษาพยาบาล ตามในภาพเลยนะคะ เป็นเหมาๆ ดูแลกันตามอาการ โดยเราได้คุณหมอมาดูแลส่วนบุคคล และรับการรักษาด้วยวิธีการ/เครื่องมือต่างๆ ตามความเหมาะสมเลย ซึ่งเขามีแบบเป็นแพ็คเกจหลายครั้งด้วย ซื้อหลายครั้งจะคุ้มกว่าค่ะ เพราะยังไงการกายภาพบำบัดก็ต้องทำต่อเนื่องเนอะ

แต่หากใครอยากทดลองเข้าไปทำครั้งแรกเพียงบอกว่ามาจากเพจของพราว Healthy Sister หรือว่าเว็บไซต์ www.26journey.com ก็จะได้รับส่วนลดทำกายภาพ 1 ครั้งจาก 1,600 บาทเหลือเพียง 990 บาทเท่านั้นค่ะ ลองไปดูก่อนได้เลย ถ้าชอบ ประเมินอาการ ประเมินจำนวนครั้งแล้ว ค่อยซื้อคอร์สสัก 3-5 ครั้ง หรือมากกว่านั้นตามสะดวกเลยค่ะ

คลินิกกายภาพบำบัด โอที รูม (OT Room)

การเดินทาง : คลินิกกายภาพบำบัด โอที รูม ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 โซน Retail Centre อาคาร CRC Tower โครงการ All Seasons Place ถนนวิทยุนะคะ

  • สามารถเดินทางด้วย BTS ได้ ลงสถานีเพลินจิต ทางออก 2 โดยสามารถเดินในระยะ 500 เมตร หรือนั่งรถ Shuttle Bus ของทางโรงแรม Conrad ซึ่งจะจอดตรงป้ายรถเมล์หน้าตึกมหาทุนทุกๆ 15 นาที แล้วไปจอดที่ตึก CRC Tower
  • มีที่จอดรถให้บริการ สามารถประทับตรากับทางคลินิกฯ ได้ 3 ชั่วโมง สอบถามเส้นทางได้ที่เบอร์คลินิก 061-234-6363 หรือที่ https://www.otroom.com ได้เลยค่ะ
Back To Top